ตัวอย่างการใช้คำนาม


1.Common Noun (สามานยนาม)

*เป็นนามที่เป็นชื่อทั่วไปของคน สัตว์ สิ่งของ และ
สถานที่ ไม่ได้ชี้เฉพาะเจาะจง เช่น 
    -A man works in the garden.
   
- A basket is full of oranges.
   
-There is a new house in a big city.

2.Proper Noun (วิสามานยนาม) 

*เป็นนามที่เป็นชื่อเฉพาะของคน สัตว์ สิ่งของ และ
สถานที่ Proper Noun เวลาเขียนต้องเขียนขึ้นต้นด้วย Capital Letter (อักษรตัวใหญ่) เสมอไม่ว่าจะวางไว้ตรงไหนของประโยคก็ตาม เช่น

- London is the capital of England.
-Sony Television is more expensive than Sanyo.
- Somsri lives in Nakhon Pathom but works in Bangkok.

3. Collective Noun (สมุหนาม) 

 *นามที่เป็นชื่อของหมู่คณะ ฝูง พวก กลุ่ม โดยปกติแล้ว Collective Noun จะใช้ร่วมกับ Common Noun เสมอ โดยม of มาคั่น เพื่อเน้นความเป็น หมู่ หรือ คณะ นั้นชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น

                      
 Collective Noun + of + Common Noun

                               a bunch of flowers   (ดอกไม้ช่อหนึ่ง)
                               a gang of thieves   (ขโมยแก๊งหนึ่ง)
                               a flock of sheep      (แกะฝูงหนึ่ง)
                               a cluster of stars       (ดาวกลุ่มหนึ่ง)
                               a group of students (นักศึกษากลุ่มหนึ่ง)



Collective Noun นอกจากจะเป็นคำวลีผสมด้วย of แล้ว บางครั้ง Collective Noun เป็นคำ คำเดียว ก็มี เช่น

                                  
family               (ครอบครัว)
                                  
army                 (กองทัพบก)
                                  team
                 (ทีมคณะชุด)
                                   mob
                  (หมู่คน)
                                   party    
            (พรรคคณะ)
                                  government     
 (คณะรัฐบาล)
                                  committee         
(คณะกรรมการ) etc.

การนำ Collective Noun มาใช้เป็น Subject (ประธาน) ของประโยค จะใช้ Verb (กริยา) เป็น เอกพจน์ หรือ พหูพจน์ ขึ้นอยู่กับความมุ่งหมายของผู้พูด คือ


1. ถ้าผู้พูด หมายถึง กลุ่มเดียว คณะเดียว หรือ ทั้งกลุ่ม ทั้งคณะนั้น เป็นหน่วยเดียว ไม่ได้แยกเป็นรายคน หรือ รายตัว กริยาต้องใช้รูปเอกพจน์ (Singular Verb) เช่น

                       
 A flock of sheep is worth one million baht.
                              
 (แกะฝูงหนึ่งมีราคาหนึ่งล้านบาท)

                       The government is trying a new measure.
                       
(คณะรัฐบาลกำลังลองใช้มาตรการอันใหม่)

2. ถ้าผู้พูด หมายถึง เป็นรายตัว หรือ รายบุคคล (Individual) โดยแยกแยะออกไปว่า ต่างคนต่างก็กระทำการ เช่นนี้ กริยาต้องใช้รูปพหูพจน์ (Plural Verb) เช่น


                       A flock of sheep are standing under the tree.
                    
(แกะฝูงหนึ่ง (ต่างก็) กำลังยืนอยู่ใต้ต้นไม้)

                      The government have discussed the flood of Bangkok for three hours.
               
 (คณะรัฐบาล (ต่างคนก็) ได้อภิปรายเรี่องน้ำท่วมกรุงเทพฯ เป็นเวลา ชั่วโมง)



4. Material Noun (วัตถุนาม)

เป็น นามที่เป็นชื่อของวัตถุ ได้แก่ แร่ธาตุ โลหะ ของแข็ง ของเหลว หรือบางทีเรียกว่า Mass Noun (นามมวลสาร) ก็ได้ เพราะนามพวกนี้อยู่เป็นกลุ่ม ก้อน แสดงความมากน้อยด้วยปริมาณ (quantity) ไม่ใช่ด้วยจำนวน (Number) และนามชนิดนี้ ไม่ใช้ Article นำหน้า ได้แก่

                       air             =         อากาศ                     leather     =         หนังสัตว์
                       bread       =        
ขนมปัง                      mud         =         โคลน
                       cloth         =         
ผ้า                              oil            =         น้ำมัน
                       coal          = 
        ถ่าน                            rice         =          ข้าว
                       copper     = 
       ทองแดง                    smoke     =          ควัน
                       cream      = 
        ครีม                           soap         =         สบู่
                       flour         = 
        แป้ง                           soil           =         ดิน
                       furniture = 
        เครื่องเรือน             sugar        =         น้ำตาล
                       goal         = 
        ทอง                            water        =        น้ำ
                       ink           = 
         น้ำหมึก                     wood         =       ไม้

 ตัวอย่างประโยค เช่น

                      
Copper is less valuable than goal.
                      
(ทองแดงมีค่าน้อยกว่าทองคำ

                      Mud is soil mixed with water.
                      
(โคลน คือ ดินผสมกับน้ำ)

                      Living things cannot remain without air.
                 
 (สิ่งมีชีวิตทั้งหลายไม่สามารถอยู่ได้ โดยปราศจากอากาศ)

Material Noun โดยปกติถือว่าเป็นนามที่นับไม่ได้ มีรูปเป็นเอกพจน์อย่างเดียว ดังนั้น ถ้าต้องการทราบ จำนวน หรือหน่วยของ Material Noun ให้ใช้ Common Noun มาประกอบคั่นด้วย of และที่ Common Noun นั้นจะเป็นผู้กำหนดจำนวนของ Material Noun ดังตัวอย่างข้างล่าง

                      a glass 
of milk                         (นมหนึ่งแก้ว)
                     two glasses 
of milk                  (นมสองแก้ว)
                      
a cup of tea                              (ชาหนึ่งถ้วย)
                    
  two cups of coffee                    (กาแฟ ถ้วย)
                      
five pieces of chalk                  (ชอล์ค แท่ง)
                      
one kilogram of sugar             (น้ำตาลหนึ่งกิโลกรัม)
                     
 three kilograms of meat          (เนื้อ กิโลกรัม)

         
ตัวอย่างประโยค   

                     
A piece of chalk is on the table.
                           
(ชอล์ค แท่งอยู่บนโต๊ะ)

                    Five kilograms of meat are worth two h undred baht.
                          
 (เนื้อ กิโลกรัม ราคา 200 บาท)

นอกจากนี้ ถ้าต้องการพูดถึงปริมาณ “มาก” หรือ “น้อย” ให้ใช้เฉพาะคำบอกปริมาณต่อไปนี้เท่านั้น มาประกอบอยู่ข้างหน้า Material Noun
คำบอกปริมาณเหล่านี้ ได้แก่ little, a little, much, a lot of, plenty of , a great deal of

        
ตัวอย่างประโยคที่มีคำบอกปริมาณมาประกอบ

               
 He has little money in his pocket.

                   She has 
a little salt in the kitchen.

                   I have
 much ink in the bottle.

                   Anne wants to buy 
a lot of rice for his family.

                   There is 
plenty of sugar in the shop.

                   She has
 a great deal of fish left in the cupboard.

Note : อย่าใช้คำเหล่านี้ many, several, few, a few, a large number of, a great number of มานำหน้า Material Noun โดยเด็ดขาด


5. Abstract Noun (อาการนาม) หมายถึง นามที่เป็นชื่อของสภาวะ สถานะ คุณลักษณะ หรือ การกระทำของคน สัตว์ ดังตัวอย่างต่อไปนี้

                   
Death comes to all men.
                 
 (ความตายมาสู่คนเราทุกคน)

                    I have no choice in this matter.
                   
 (ผมไม่มีทางเลือกในเรื่องนี้)

                   Prevention is better than cure.
                       
(กันไว้ดีกว่าแก้)

                   Beauty is wanted by everyone.
                   
(ความสวยเป็นที่ต้องการของทุก ๆ คน)

                   It gives me much pleasure to see you here.
                       
 (ยินดีมากที่ได้พบคุณที่นี่)

Note : คำ Abstract Noun จะไม่ใส่ Article นำหน้า เว้นแต่จะนำมากล่าวเป็นลักษณะชี้เฉพาะให้กับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง จึงใช้ the นำหน้าได้ เช่น

                   
The death of Kitti calls for justice.
                   
(ความตายของกิตติเรียกหาความยุติธรรม)

                   The braveness of his father is well known.
                 
 (ความกล้าหาญของบิดาของเขาเป็นที่รู้จักกันดี)



 Abstract Noun มีรูปมาจากคำเหล่านี้
         1. Abstract Noun 
มีรูปมาจาก Verb เช่น

  Verb               Meaning                           Abstract Noun                  Meaning

 act                     
กระทำ                                   acting                           การกระทำ         
 decide                ตัดสินใจ                               decision                        ตัดสินใจ
 drink
                  ดื่ม                                     drinking                           การดื่ม
 know                   
รู้                                        knowledge                      ความรู้
 live                     
อาศัยอยู่                               life                                ชีวิต
 organize
             จัดการ                                  organization                  จัดการ     
 please                 
ทำให้พอใจ                           pleasure                       ความพอใจ
 speak
                    พูด                                       speech                         พูด
 succeed                
สำเร็จ                                   success                        สำเร็จ 
     
  2. Abstract Noun มีรูปมาจาก Adjective เช่น

  Adjective               Meaning                 Abstract Noun           Meaning

brave                        กล้าหาญ                       braveness              ความกล้าหาญ
die                            
ตาย                               death                     ความตาย
happy                       
มีความสุข                      happiness              ความสุข
high                         
สูง                                   height                   ความสูง
honest                     
ซื่อสัตย์                           honesty                 ความซื่อสัตย์
poor                        
ยากจน                            poverty                  ความยากจน
strong                      
แข็งแรง                          strenght                  ความแข็งแรง 
true                         
จริง                                  truth                       ความจริง
wise                        
ฉลาด                              wisdom                   ความฉลาด      etc.
       
3. Abstract Noun มีรูปมาจาก Noun

   Noun                   Meaning              Abstract Noun             Meaning

  child                       
เด็ก                        hildhood                     ความเป็นเด็ก
  friend                     
เพื่อน                     friendship                   ความเป็นมิตร
  monk                     
พระ                        monkhood                  ความเป็นพระ
  slave                     
ทาส                        slavery                        ความเป็นทาส   etc.
       

 
ชื่อศิลปวิทยาการต่าง ๆ ภาษา ดนตรี กีฬา จัดเป็น Abstract Noun ด้วย เช่น

                           chemistry
                เคมีวิทยา
                           geology                  
ธรณีวิยา
                           grammar                
ไวยากรณ์
                           English
                   ภาษาอังกฤษ
                           science
                    วิทยาศาสตร์
                          mathematics          
  คณิตศาสตร์
                          economies             
  เศรษฐศาสตร์
                          music                 
     ดนตรี
                          politics
                    การเมือง
                          art                       
     ศิลปะ
                          basketball
                บาสเก็ตบอล     etc.

6
Noun-Equivalent (นามสมมูลย์) หมายถึง คำ หรือ หมู่คำ ที่ไม่ใช่นามแต่นำมาใช้ทำหน้าที่ เช่นเดียวกับนาม หรือ เสมือนหนึ่งเป็นนาม มี 5 ชนิด ได้แก่

        6.1 Infinitive 
ได้แก่ กริยาที่มี to นำหน้า เช่น to go, to come, to walk, to sleep นำมาใช้อย่าง Noun ได้ เช่น

                        To sleep is necessary for health.
                    
(
การนอนหลับเป็นสิ่งจำเป็นต่อสุขภาพ)
                          He wants
 to walk every morning.
                     
(
เขาต้องการเดินทุก ๆ เช้า)

        6.2 Gerund 
ได้แก่ กริยาที่เติม ing (Verb-ing) เช่น running, walking, eating, reading etc. นำมาใช้อย่าง Noun ได้ เช่น

                           Maria likes 
reading after dinner.
                           Sleeping at midday is necessary for a baby.

        6.3 Adjective (
คุณศัพทบอกลักษณะ เช่น good, brave, rich, poor etc. นำมาใช้อย่างนาม (Noun-Equivalent) ได้แต่ต้องมี the นำหน้าทุกครั้งและถือเป็นพหูพจน์ (Plural) ด้วย เช่น

                       The rich must help the poor.
                        
(
คนรวยจะต้องช่วยคนจน)

                       The good should be praised.
                      
(
คนดีทั้งหลาย ควรได้รับการยกย่อง)

         6.4 Phrase (
วลี) นำมาใช้อย่างนาม (Noun-Equivalent) ได้ เช่น

                        Where to go is not known
                      
 (
จะไปไหนยังไม่มีใครทราบ)

                          I do not know what to say.
                              (
ผมไม่รู้จะพูดอะไรดี)

          6.5 Clause (
อนุประโยค) นำมาใช้อย่างนาม (Noun-Equivalent) ได้ เช่น

                    What he is doing now is difficult for us to know.
                   
(
เขากำลังทำอะไรอยู่ขณะนี้ยากสำหรับเราที่จะรู้ได้)

                    No one can understand why she cried.
                   (
ไม่มีใครเข้าใจเลยว่าทำไมเธอจึงร้องไห้)

7. Compound Noun (
นามผสม) หมายถึง การนำเอานาม 2 ตัว มาเขียนติดกันเป็นคำเดียหรือเขียนแยกกันโดยมี Hyphen (-) มาคั่นหรือไม่ก็ได้ ดังนั้น นามผสม (Compound Noun) จึงมีแหล่งกำเนิดในรูปแบบได้หลายอย่าง ดังนี้

          7.1 
นำเอา Noun 2 ตัว มาเขียนติดกัน กลายเป็นนามผสม (Compound Noun) ขึ้นมา เช่น

              country    +    man       =      countryman         =     
คนบ้านนอก
              cow           +    boy        =      cowboy              =     
โคบาล
              door          +    man       =      doorman             =     
คนเฝ้าประตู
              life            +    boat       =       lifeboat               =     
เรือช่วยชีวิต
             mail          +    box         =       mailbox             =     
ตู้รับจดหมาย                                       moon        +    light        =       moonlight          =      แสงจันทร์

         7.2 
นำเอา Verb-ing บ้าง นามบ้าง มาเขียนเป็นคำเดียวติดกับนามตัวอื่น โดยมีเครื่องหมาย Hyphen (-) คั่นไว้ นามนั้นก็จะกลายเป็นนามผสม (Compound Noun) ทันที เช่น

             living – room                
ห้องรับแขก
             looking – glass             
กระจกส่อง
            school – boy                  
นักเรียนชาย 
            swimming – pool           
สระว่ายน้ำ

        7.3 
นำเอานามตัวหนึ่งไปประกอบหน้านามอีกตัวหนึ่ง ทั้งนี้นามตัวหลังเป็นนามหลัก ส่วนนามตัวหลังเป็นนามประกอบ (หรือก Adjective ก็ได้) นามทั้งสองตัวที่มารวมกันกลายเป็นนามผสม (Compound Noun) และเขียนแยกกันโดยไม่ต้องมี Hyphen (-) คั่น เช่น

                    Bangkok Bank               
ธนาคารกรุงเทพ
                    examination papers        
กระดาษสอบไล่
                    football game                 
กีฬาฟุตบอล
                    foot path                        
ทางเดินเท้า
                    government school        
โรงเรียนรัฐบาล
                    mango tree                     
ต้นมะม่วง
                   picnic basket                   
ตะกร้าสำหรับไปเที่ยว


8. Agent Noun (
นามที่แสดงความเป็นผู้กระทำ) นามชนิดนี้มีรูปมาจาก กริยา หรือ นาม โดยการเติมปัจจัย (Suffic) er, or, ent, ant, ist และ ician ที่ท้ายกริยา หรือ ท้ายนามตัวนั้น แล้วกริยาหรือนามเหล่านี้ก็จะกลายเป็น Agent Noun เช่น

          act                     
กระท                        actor                  ผู้กระทำ
          attend             
   ตั้งใจ                          attendant           ผู้ติดตาม
          history               
ประวัติศาสตร์             historian           นักประวัติศาสตร์
          music                
ดนตรี                          musician          นักดนตรี
          piano                 
เครื่องเล่นเปียโน        pianist              นักเปียโน
         sail                  
   แล่นเรือ                      sailor                กลาสีเรือ
         serve                  รับใช้                          servant              คนรับใช้
         study               
   ศึกษาเรียน               student             นักเรียน
         visit                    เยี่ยม                          visitor               ผู้มาเยี่ยม

Noun 
ถ้าแบ่งตามการนับ มี 2 อย่าง คือ

         1. Countable Noun (
นามนับได้)
         2. Uncountable Noun (
นามนับไม่ได้)
 
 Countable Noun (นามนับได้) ต้องมีคุณสมบัติ 3 อย่าง ดังนี้  

          1. 
นับได้เป็นรายสิ่ง หรือ รายบุคคลโดยนามนั้นเอง
          2. 
ทำเป็นพหูพจน์ได้
          3. 
ใช้เลขนับจำนวน (one, two, three…) ประกอบข้างหน้าได้ ตัวอย่างเช่น
    

                          a book                    two books
                     
       a woman                three women
 Uncountable Noun (นามนับไม่ได้) มีลักษณะอยู่ 3 อย่าง คือ

          1. 
นับไม่ได้เป็นรายสิ่ง และต้องอยู่รวมกัน เป็นกลุ่มก้อน
          2. 
ทำเป็นรูปพหูพจน์ไม่ได้ (มีรูปเอกพจน์อย่างเดียว)
          3. 
แสดงจำนวนด้วยปริมาณ “มาก” หรือ “น้อย” เท่านั้น

  
ตัวอย่าง เช่น

          ink, sand,  gold, air, To walk, to eat, what to do, how to say   etc.

แต่ถ้าจำเป็นต้องทำให้เป็นเสมือนนามที่นับได้ต้องอาศัยวัตถุ ภาชนะ หรือเครื่องชั่ง ตวง วัด เข้ามาเป็นเครื่องนับนามที่นับไม่ได้ ให้เป็นนามที่นับได้แทน เช่น

        
รูปเอกพจน์ (Singular Noun)

                            a piece of paper                   
กระดาษหนึ่งแผ่น
                            a bar of soap                         
สบู่ 1 ก้อน
                            an item of news                    
ข่าวหนึ่งเรื่อง
                            
a loaf of bread                      ขนมปังหนึ่งก้อน
                            
a bag of flour                        แป้งหนึ่งถุง
                            
a bottle of milk                     นมหนึ่งขวด      etc.

         
รูปพหูพจน์ (Plural Noun)

                       many pieces of paper         
กระดาษหลายแผ่น
                       glasses of water                   
น้ำหลายแก้ว 
                       four baskets of fruit            
ผลไม้ 4 กระจาด
                       six loaves of bread              
ขนมปัง 6 ก้อน
                       few rolls of cloth                    
ผ้า 2-3 ม้วน      etc.

นามบางชนิด เมื่อกล่าวถึง รูปร่าง เป็นตัวเป็นตน ถือเป็น Countable Noun แต่ถ้าหมายถึง ส่วนที่แยกแยะเป็นชิ้นส่วนแล้ว ถือว่าเป็น Uncountable Noun เช่น

                             Countable Noun                    Uncountable Noun
 

               cow, ox        =    
วัว                     beef        =    เนื้อวัว
               pig              =    
หมู                      pork       =    เนื้อหมู
               sheep          =     
แกะ                   mutton   =    เนื้อแกะ
               tree             =    
ต้นไม้                  wood     =    ไม้แปรรูป
               trousers      =    
กางเกงขายาว     cloth      =      ผ้า       etc.

Function of Noun (หน้าที่ของนาม)  

            1. 
เป็นประธานของกริยาในประโยค (Subject of a Verb) เช่น

                     Mary loves her parents very much.  
                     Somsak is a student of the English language.

            2. 
เป็นกรรมของกริยา (Object of a Verb) เช่น

                       Jack loves Jane.
                        I ate mangoes.

            3. 
เป็นกรรมของบุรพบท (Object of a preposition) เช่น

                       He speaks to
 his girlfriend every day.
                       We think of the teacher when we leave school.

            4. 
เป็นส่วนสมบูรณ์ของกริยาเพื่อขยายประธานให้ได้ความชัดเจนขึ้น (Subjective Complement) ส่วนมากนามที่นำมาใช้ มักตามหลัง Verb to be หรือ become เช่น

                   
         Suree is a student.
                            Amnat becomes 
a doctor.
                            She was 
a nurse two years ago.
            5. 
เป็นส่วนขยายกรรม (Objective Complement) หรือจะเรียกว่า ทำหน้าที่เป็นทั้งกรรม (Objective) และส่วนสมบูรณ์ (Complement) พร้อมกัน เช่น

                            His parents named him
 Henry.
                            We elected 
Mr.Sombat leader.

            6. 
เป็นนามซ้อนนามที่อยู่ข้างหน้า (in apposition) และระหว่างนามข้างหน้าและนามที่ตามหลัง ต้องใส่เครื่องหมาย Commac (,) คั่นทุกครั้ง การซ้อนกันของนามแยกได้เป็น 2 กรณี คือ

                     6.1 
ซ้อนในส่วนที่เป็นประธาน ให้วางไว้หลังประธาน เช่น

                        Reagan, the president of the U.S.A., visited Thailand.
                         Our country, Thailand, is the land of peace.

                     6.2 
ซ้อนในส่วนที่เป็นกรรมของกริยาในประโยค ให้วางไว้หลังกรรมนั้น เช่น

                     Do you want to see Saman,
 the writer of this book?
                     We admire our teacher, 
Mr.Manup.

            7. 
เป็นนามเรียกชื่อ (Vocative) เช่น

                 Robert, please close the door.
                 You are right,
 Jimmy.
                 Teacher, explain it slowly.

            8. 
แสดงความเป็นเจ้าของ (Possessive Case) ของนามทั่วไป โดยใช้เครื่องหมาย Apostrophe (‘s) ทุกครั้ง เช่น

               The teacher’s table is standing in front of the class.
               Do you know my principal
’s house?

            9. 
เป็นคุณศัพท์ (Adjectival Noun) ระกอบนามด้วยกัน โดยวางไว้หน้านามนั้น เช่น

           Sompong is waiting for you at the
 bus stop.
           The
 football match for today is very interesting.

          10. 
เป็นกรรม ซึ่งมีลักษณะและความหมายเดียวกับกริยาที่อยู่ข้างหน้า (Cognate Object) เช่น

                      She smiled a sweet
 smile.
                            (
หล่อนยิ้มหวาน)
                    Malee dreamt a good dream last night. 
                           (
มาลีฝันดีเมื่อคืนนี้)

          11. 
เป็นประธานอิสระของกลุ่มคำที่เป็นส่วนของกริยาวลี (Absolute Subject of Participial Phrase) แล้วไปขยาย Subject ในประโยค Main Clause อีกทีหนึ่ง เช่น

                Dinner being over, we all sat and talked.
       (
เมื่อ (ทาน) อาหารมื้อเย็นเสร็จแล้ว พวกเราทุกคนก็นั่งคุยกัน)

                  The sun having set, the farmers walked home.
         (
เมื่อดวงอาทิตย์ตกดิน ชาวนาทั้งหลายก็กลับบ้าน)

 Note : 
ประธานของประโยค Main Clause กับประธานอิสระ (Absolute Subject) ของกลุ่มคำ Participle Phrase ต้องเป็นคนละคนกัน และประธานอิสระเป็นสรรพนาม (Pronoun) ก็ได้  เช่น

                  He having finished his work, we left the office together.
                 (
เมื่อเขาทำงานเสร็จแล้ว เราก็ออกจากสำนักงานไปด้วยกัน)
   
Number of Nouns (
พจน์ของนาม)
   แบ่งเป็น 2 ชนิดด้วยกัน คือ

                  1. Singular Number (เอกพจน์)
                  2. Plural Number (
พหูพจน์)

      Singular Number 
หมายถึง นามที่เป็นชื่อของ คน สัตว์ สิ่งของ และสถานที่ ที่มีจำนวนเพียงสิ่งเดียว อันเดียว คนเดียว เช่น

                         One cat is grasping 
a rat under the tree.
                       
(แมวตัวหนึ่งกำลังตะครุบหนูอยู่ใต้ต้นไม้)
              
                        I saw an old man praying in the church.
                        
(ฉันเห็นชายชราคนหนึ่งสวดมนต์อยู่ในโบสถ์)

      
Plural Number หมายถึง นามที่เป็นชื่อของคน สัตว์ สิ่งของ และสถานที่ ที่มีจำนวนมากกว่าหนึ่งขึ้นไป เช่น

                          The 
students are reading in the room.
                          Did you see
 two men come here yesterday?
                          My father bought
 three fish from the market.
     หลักเกณฑ์การเปลี่ยนนามเอกพจน์ให้เป็นพหูพจน์

                 1. 
เติม หลังนามเอกพจน์ทั่ว ๆ ไป เช่น

                     book     
            book            หนังสือ
                     cat                    cat
s                 แมว
               
      girl                   girls                เด็กหญิง
                     hand         
        hands              มือ
                     month        
       months           เดือน
                     pen              
      pens               ปากกา
                     star    
                star               ดาว         etc.

                 2. 
เติม เมื่อนามนั้นลงท้ายด้วย e เช่น

                       face                     face
s                  ใบหน้า
                       house       
            house               บ้าน 
                       nose                    
 noses                  จมูก
                       plate               
      plates                  จาน 
                       size                      size
s                    ขนาด      etc.

              3. 
นามเอกพจน์ที่ลงท้ายด้วย s, ss, sh, chและ z ให้เติม es เช่น

                    bus                    buses                 
รถประจำทาง      
                    box                    box
es                 กล่อง
                    buzz               
    buzzes              เสียงหึ่งอย่างเสียงผึ้ง
                   
bench                 benches              ม้านั่ง
                    glass      
            glasses               ถ้วยแก้ว

 
ข้อยกเว้น   monarch  monarch   กษัตริย    ให้เติม s อย่างเดียว เพราะ ch ออกเสียงเป็น ค ไม่ใช่ ช  

            4. 
นามเอกพจน์ที่ลงท้ายด้วย o และหน้า o เป็นพยัญชนะให้เติม es เช่น

                 echo                  echo
es              เสียงก้อง
                 hero        
            heroes               วีรบุรุษ     
                 motto   
              mottoes             คติพจน์
                 mango        
        mangoes            มะม่วง
                 negro         
         negroes              นิโกร
                 tomato     
           tomatoes            มะเขือเทศ     etc. 

 
ข้อยกเว้น    นามที่ลงท้ายด้วย o ต่อไปนี้ให้เติม s เท่านั้น

                 bamboo              bamboo         
ไม้ไผ่      
                 baboo  
              baboo               สุภาพบุรุษฮินดู
                 
cuckoo               cuckoos              นกดุเหว่า
                 kilo                    
 kilos                   กิโลชั่งของ
                 piano        
          piano                เครี่องเปียโน 
                 radio                   radio
s                 วิทยุ
                 solo                    
solo                 การบรรเลงเพลงเดี่ยว    
                studio              
    studios                ห้องช่างศิลป์
                kangaroo             kangaroo
s           จิงโจ้
                  zoo                      zoo
s                  สวนสัตว์   

 Note : 
นามที่ลงท้ายด้วย o ต่อไปนี้จะเติม s อย่างเดียวก็ได้ หรือเติม es ก็ได้ เช่น

          buffalo              buffalos            buffaloes           
ควาย    
          calico 
               calicos                calicoes           ผ้าเนื้อหยาบ  
          cargo         
        cargos                cargoes            สินค้า
          domino       
       dominos             dominoes        ลูกโดมิโน
          grotto             
    grottos                grottoes            ถ้ำ 
          halo                   
 halos                   haloes             แสงเป็นวงกลม
          lasso                   lasso
s                lassoes              เชือกบ่วงบาศ
          mosquito         
   mosquitos        mosquitoes         ยุง
          portico               portico
s            porticoes           หลังคาทางเดิน
          proviso              proviso
s            provisoes          ข้อแม้เงื่อนไข
          volcano           
  volcanos           volcanoes          ภูเขาไฟ
 

 
ข้อยกเว้นพิเศษ       ส่วนนามที่ลงท้ายด้วย i ให้เติม s เช่น

                                taxi      
                          taxis
                                ski                                 ski

            5. 
นามเอกพจน์ที่ลงท้ายด้วย y ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม es เช่น

                                baby  
                            babies
                                body                               bodies
                                city                                 cities
                                country                         countries
                                duty                               duties
                                fly                                    flies  
                              lady                                ladies
                              
 penny                            pennies 
                               pony                              ponies
                               story                              stories 

            
แต่ถ้าหน้า y เป็นสระ (a, e, i, o, uไม่ต้องเปลี่ยน ให้เติม s ได้เลย เช่น

                               boy
                                   boys
                               day                                   days
                               key                                   keys
                               monkey                           monkeys
                              
 ray                                     rays
                               toy                                     toys

 
ข้อยกเว้น        ถ้านามนั้น เป็นชื่อเฉพาะ (Proper Noun) ให้เติม ได้เลย เช่น

                              Henry          
               Henrys
                              Mary                           Marys

            6. 
นามเอกพจน์ที่ลงท้ายด้วย หรือ fe ให้เปลี่ยน f หรือ fe เป็น v ก่อนแล้วจึงเติม es เช่น

                  calf                             cal
ves                             ลูกวัว        
                  knife                           knives                            
มีด 
                  leaf                             lea
ves                            ใบไม้    
                  life                              lives                               
ชีวิต
                  loaf                             loaves                            
ขนมปังปอนด์  
                  shelf                           shelves                            
หิ้ง 
                  wolf                            wolves                             
สุนัขป่า

 Note :    
นามที่ลงท้ายด้วย f หรือ fe ต่อไปนี้ เติม s ได้เลย เช่น

                 chief   
                 chiefs                หัวหน้า
                 cliff     
                cliffs                  หน้าผา  
                  gulf      
               gulfs                  อ่าว
                  grief 
                   grief                ความเศร้าโศก
                  hoof 
                   hoof                 กีบ (เท้าสัตว์)  
                   roof  
                  roofs                  หลังคา
                   proof            
      proofs                ข้อพิสูจน์       
                   reef          
          reefs                   หินโสโครก 
                   safe        
            safes                   ตู้นิรภัย

แต่นาม 3 คำต่อไปนี้จะเปลี่ยน f เป็น v แล้วเติม es หรือไม่เปลี่ยน แต่เติม s ได้เลย เช่น

                scarf            
  scarfs             scarves          ผ้าพันคอ
                staff              
 staff            staves             คณะบุคคล
                harf             
   wharf          wharves         ท่าเรือ

           7. 
เมื่อเป็นพหูพจน์ เปลี่ยนสระ ภายใน  เช่น

                    foot                        feet                           
เท้า
                    goose                      geese                        
ห่าน
                    man                         men                          
ชาย  
                    mouse                      mice                         
หนู
                    penny                pence /pennies            
เหรียญเพนนี
                    louse                        lice                          
เหาไร
                    woman                     women                    
 ผู้หญิง

           8. 
นามต่อไปนี้เมื่อเป็นพหูพจน์ให้เติม en หรือ ren เช่น

                          child                    children
                          ox                        oxen

           9. 
นามต่อไปนี้เป็นได้ทั้ง เอกพจน์ และ พหูพจน์

                              cod                cod                    
ปลาค็อด
                              corps             corps                 
กองร้อย
                              deer               deer                   
กวาง      
                              fish                fish                    
ปลา
                              series            series                 
 ชุด       etc.

          10. 
นามที่บอกสัญชาติ ลงท้ายด้วย ss หรือ se เป็นได้ทั้งเอกพจน์ และ พหูพจน์
 
               
                        a Chine
se               two Chinese
                         a Japane
se              two Japanese
                         a Portugue
se           two Portuguese
                      
   a Swiss                  two Swiss
                        
a Veitnamese         two Veitnamese

          11. 
นามต่อไปนี้มีรูปเป็น พหูพจน์ แต่ใช้เป็น เอกพจน์

                      civic
s                   ประชากร
                   
    ethics                   ศีลธรรม
                      economic
          เศรษฐศาสตร์
                      physic
               ฟิสิกส์
                      statistic
s               สถิติ

          12. 
นามต่อไปนี้มีรูปเป็น เอกพจน์ แต่ใช้เป็น พหูพจน์

                       cattle                
 วัวควาย
                    
   gentry                พวกผู้ดี
                       minority             
คนส่วนน้อย
                       people              
 ประชาชน

 Note : people ถ้าเติม หมายถึง คนหลายเชื้อชาติ เช่น There are peoples living in Thailand.

          13. 
นามต่อไปนี้มีรูป และใช้อย่าง พหูพจน์

                  pant
s                    กางเกง
                  short
s                   กางเกงขาสั้น 
                  trouser
s                กางเกงขายาว
                  content
              สารบัญ
                  clothe
s                 เสื้อผ้า
                  good
s                   สินค้า
                  scissor
s                กรรไกร       etc.

          14. 
ตัวอักษรย่อ ทำเป็นพหูพจน์โดยเติม s ที่ท้ายตัวอักษร เช่น

                       VIP                       VIP
s
                       CD                        CD
s
                       MP  
         MPs



อ้างอิงจาก

http://www.ntciap.com













1 ความคิดเห็น:

คำนาม

                คำนาม ( noun)     หมายถึง  คำนามเป็นคำที่ใช้เรียกชื่อคน    สัตว์    สถานที่   สิ่งของ และนามธรรม    เช่น   student, pol...